วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เทคนิคร้อยไหมมาจากไหน


ศัลยกรรม



เทคนิคร้อยไหมมาจากไหน (Lisa)

           การร้อยไหมละลายเป็นการยกกระชับผิวหน้าที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน มาทำความรู้จักกับนวัตกรรมนี้ให้ดียิ่งขึ้นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผู้เป็นต้นตำรับของเทคนิคนี้
     กำเนิดการร้อยไหม
           การนำไหมละลายมาร้อยที่ผิวเพื่อยกกระชับใบหน้านั้น กำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณปีพ.ศ. 2545 ที่ประเทศเกาหลี กล่าวได้ว่าเป็นระยะเวลากล่าสิบปีที่วิวัฒนาการดังกล่าวค่อย ๆ เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายจากวงการแพทย์ทั้งในเกาหลี และหลากหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยอาศัยหลักการซ่อมแซมตัวเองของผิวเพื่อให้กระชับและสวยงามดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งวิธีดังกล่าวเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีความปลอดภัยสามารถคืนกลับสู่สภาพเดิมได้ และมีความแตกต่างจากการผ่าตัดศัลยกรรมในรูปแบบเดิม

     ผู้คิดค้นและกลไก

           ผู้คิดค้นการนำไหมละลายมาใช้เพื่อความงามเป็นครั้งแรก คือ ดร.ควน ฮันจิน นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งความงามชาวเกาหลี จากสถาบัน "เดอมาสเตอร์" ได้ให้ความรู้เรื่องการร้อยไหมไว้ดังนี้ "จากนวัตกรรมดังกล่าว ทำให้สัดส่วนผู้ที่รับการผ่าตัดดึงหน้าในเกาหลี ลดน้อยลงมาก เพราะแนวโน้มการทำศัลยกรรมของผู้หญิง ตอนนี้จะเน้นความสวยงามที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดโดยการร้อยสิ่งแปลกปลอมที่มีความปลอดภัยอย่างเส้นไหมลงบนผิวหน้า หลังจากนั้นร่างกายก็จะทำปฏิกิริยาสร้างมวลของคอลลาเจนล้อมรอบเส้นไหมที่เป็นสิ่งแปลกปลอม และเส้นไหมก็จะสลายตัวไปอย่างช้า ๆ จนหมดไปในที่สุด โดยที่คอลลาเจนก็ยังคงอยู่ เรียกได้ว่าเป็นการฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติกว่าวิธีอื่น ๆ แต่สวยงามมากน้อยแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ด้วยเช่นกัน"

           หลักที่ถูกต้องที่สุดของการร้อยไหมคือจะไม่มีสูตรที่สำเร็จตายตัว หากแต่จะต้องอาศัยความชำนาญในการวิเคราะห์ใบหน้าของแต่ละบุคคลเพื่อคำนวณหาขนาดความหนา และความยาวของเส้นไหมให้พอดีและเหมาะสมมากที่สุด ก็เปรียบเหมือนการตัดเสื้อผ้าให้คนสวมใส่แบบเทย์เลอร์เมด เพราะแต่ละคนก็มีสัดส่วนและความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งหน้าที่ของช่างก็คือต้องทำเสื้อผ้าออกมาให้ถูกใจคนสวมใส่ให้มากที่สุด

     ชนิดของเส้นไหมที่แพร่หลาย
           ในปัจจุบันไหมที่นิยมใช้ในการร้อยมีชื่อว่า "โพลีไดออกซาโนน" (Polydioxanone) หรือ PDO ซึ่งเส้นไหมดังกล่าวจะมีขนาดความหนาและความยาวที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการนำมาเลือกใช้ และเมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายแล้วจะสามารถละลายได้เองภายใน 6-8 เดือน

     ผลข้างเคียง

           ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการร้อยไหมอาจจะเกิดขึ้นได้บ้าง ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ในการเลือกใช้ขนาดของเส้นไหมและเทคนิคที่นำมาใช้ในการร้อย ถ้าหากเส้นไหมที่นำมาใช้มีความหนาและใหญ่เกินไป ผลที่ตามมาคืออาจจะทำให้เกิดอาการปวดและบวมมาก หลังทำมีโอกาสที่ไหมจะโผล่ออกมาสูง หรือถ้าใช้ไหมเส้นเล็กเกินไปก็จะร้อยได้ง่าย แต่มักไม่ค่อยเห็นผล

     ภายหลังการร้อยไหม

           หลังร้อยไหมแล้วจะรู้สึกได้ถึงความตึงกระชับในทันที แต่ในบางรายจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไป โดยจะเห็นผลการยกกระชับสูงสุดในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ ตามปกติผลงานการร้อยไหมจะอยู่ได้ประมาณหนึ่งถึงสองปีตามความแตกต่างของสภาพใบหน้าและการดำเนินชีวิต


           หากใครสนใจการร้อยไหมยกกระชับใบหน้า แนะนำว่าควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนทั้งข้อมูลของไหมที่จะนำมาใช้และเทคนิคการทำ โดยก่อนจะทำควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการถ่ายทอดเทคนิคที่ถูกต้อง เพราะหากทำกับแพทย์ที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงแล้วอาจจะเกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ตามมาได้









ขอขอบคุณข้อมูลจาก

3 วิธีแก้ไขนิสัยลูกติดหน้าจอ


เด็กติดเกมส์


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ตอนนี้ปัญหาเด็กติดเกมส์ หรือเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่ว่าเราจะหันไปทางไหนก็มักจะเห็นเด็ก ๆ ก้มหน้าก้มตาแชท เล่นเกม หรือคุยไลน์กันตลอด ซึ่งหากปล่อยไว้แบบนี้นาน ๆ ปัญหาต่าง ๆ ไม่ได้เกิดกับตัวเด็กเองเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสังคมอีกด้วย ฉะนั้นก่อนที่จะเกิดปัญหาใหญ่ เราก็อยากจะชวนคุณแม่มาร่วมด้วยช่วยกันแก้ไขนิสัยลูกติดหน้าจอกันค่ะ     


 1. จัดแยกพื้นที่สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ   

          คุณแม่หลาย ๆ ท่านอาจจะคิดว่าการจำกัดชั่วโมงในการเล่นอินเตอร์เน็ต เกมส์ โทรศัพท์มือถือ ดูโทรทัศน์ หรืออื่น ๆ เป็นการกระทำที่ถูกต้อง ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่ผิดนัก แต่เรามีวิธีที่ดีกว่ามานำเสนอกัน นั่นก็คือ คุณแม่ควรจะจัดแยกโซนสำหรับอุปกรณ์เทคโนโลยีเหล่านี้เอาไว้ต่างหาก หากลูกอยากจะดูโทรทัศน์ เล่นเกมส์ หรือเล่นคอมพิวเตอร์ ก็ให้ลูกไปที่ห้องหรือมุมที่จัดเตรียมไว้เท่านั้น นอกจากนี้ในช่วงอื่น ๆ เช่น ตอนทำการบ้าน ทานอาหาร หรือออกนอกบ้าน ก็ควรตัดช่องทางการสื่อสารออกไปทั้งหมด โดยเฉพาะช่วงก่อนเข้านอน เพราะคลื่นความถี่ต่าง ๆ จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะเข้าไปรบกวนการนอนของลูกคุณ 

 2. อยู่กับลูกให้มากขึ้น 

          จากการวิจัยหลาย ๆ แห่งพบว่า เด็กที่หมกมุ่นอยู่กับการดูโทรทัศน์ หรือสังคมออนไลน์มากเกินไป มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นเด็กก้าวร้าว หรือมองโลกในแง่ลบสูงกว่าเด็กทั่วไป ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้นี่เองที่ทำให้พวกเขาปรับตัวเข้ากับเพื่อน ๆ และสังคมในชีวิตจริงได้ยาก ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก่อนที่จะเกิดปัญหาแบบนี้กับลูกของคุณ ก็คือ พยายามหาเวลามาอยู่กับลูกของคุณให้มาก ๆ หรืออาจจะหากิจกรรมสนุก ๆ มาทำร่วมกันดีกว่า นอกจากจะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกแล้ว ก็ยังช่วยสานสัมพันธ์ที่ดีให้กับคนในครอบครัวอีกด้วย 

 3. บอกเล่าข้อเสียให้ลูกฟัง 

          การบังคับไม่ให้ลูกทำเลย ก็อาจะทำให้รู้สึกว่ากำลังโดนบังคับ และแอบต่อต้านอยู่ในใจ ฉะนั้นคุณแม่ก็น่าจะสอนลูกทางอ้อมแทน โดยการเล่าข่าว หรือประสบการณ์ความผิดพลาด ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อุปกรณอิเล็กทรอนิกส์ให้ลูกฟัง เพื่อให้ลูกค่อย ๆ ซึมซับข้อเสียของมันไปทีละนิด เพื่อให้ลูกระมัดระวังตัวเองในการใช้มากยิ่งขึ้น และป้องกันพฤติกรรมต่าง ๆ ที่อาจสร้างความเสียหายกับผู้อื่นด้วย

          ถึงแม้การเลี้ยงดูลูกในยุคปัจจุบันไม่ได้ง่ายเหมือนเดิม เพราะมีเทคโนโลยีเพิ่มเติมเสริมแต่งเข้ามา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ไขซะเลยนะ หากตอนนี้คุณแม่ท่านใดที่กำลังรู้สึกกังวล และเป็นห่วงว่าลูกของคุณจะมีพฤติกรรมติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป ก็วางใจกันได้แล้วนะคะ เพราะแค่คุณแม่นำเคล็ดลับของเราไปใช้ ก็สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกคุณได้แล้วล่ะค่ะ 

อึ้ง! สาวอายุน้อย-สาวออฟฟิศ เสี่ยงมะเร็งเต้านมสูงขึ้น


มะเร็งเต้านม
  

ชวนหญิงไทยตรวจมะเร็งเต้านมก่อนสาย สาวออฟฟิศ-อายุต่ำกว่า30เสี่ยงเป็นสูง (ไทยโพสต์)

          พบหญิงไทยเป็นมะเร็งเต้านมอายุน้อยลงไม่ถึง 30 ปี ป่วยถึงตาย ส่วนกลุ่มอายุ 20-30 ปีพบก้อนซีสต์มากขึ้น และอาจพัฒนาการเป็นเซลล์มะเร็งได้ในอนาคต แพทย์เตือนเมื่อหน้าอกโตเต็มวัย ควรรีบมาตรวจ เพื่อความแม่นยำร่วมกับการตรวจคลำด้วยตัวเอง ระบุ กลุ่มที่มีประจำเดือนเร็วและหมดช้า หรือกลุ่มที่ไม่ผ่านการตั้งครรภ์ ไม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ รวมถึงกลุ่มที่ต้องรับฮอร์โมนวัยทอง เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูง

          เมื่อ "มะเร็งเต้านม" กลายเป็นภัยร้ายอันดับหนึ่งคุกคามผู้หญิงทั่วโลกแทนที่มะเร็งปากมดลูก แม้แต่ผู้หญิงไทยเองก็เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวมากขึ้น ขณะที่อายุของผู้เป็นโรคกลับน้อยลง บางรายตรวจพบในระยะร้ายแรงด้วยอายุเพียง 27 ปี ส่งผลให้กิจกรรมรณรงค์ป้องกันมะเร็งเต้านม หรือ Pink Ribbon ประจำเดือนตุลาคมของทุกปีถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่ที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ที่คิดแคมเปญ "October Go Pink" และดำเนินการมาเป็นปีที่ 3 เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักและพร้อมใจป้องกันโรคร้าย

          ทั้งนี้ พญ.สมสิริ สกลสัตยาทร กรรมการผู้จัดการและเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานเปิดงาน เผยว่า กว่า 2 ปีที่มะเร็งเต้านมกลายเป็นโรคร้ายแรงอันดับหนึ่งสำหรับผู้หญิงแทนที่มะเร็งปากมดลูก น่าตกใจว่าผู้หญิงไทยที่ป่วยเป็นโรคนี้แล้วเสียชีวิตมีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ จากเดิม 40 ปีถึงตรวจพบ แต่ปัจจุบันนี้ไม่ถึง 30 ปีก็ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเต้านม และยังพบด้วยว่าผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปมีซีสต์ที่เต้านมมาก ในเบื้องต้นอาจเป็นแค่ก้อนแคลเซียมธรรมดา แต่ในระยะยาวมีสิทธิ์พัฒนาการเป็นมะเร็งได้จากปัจจัยเสี่ยงในชีวิตประจำวัน ที่น่าตกใจยิ่งกว่า ในกลุ่มสาวออฟฟิศมีสิทธิ์เป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าชาวบ้าน ทว่าในกลุ่มนักโทษหญิงพบว่าป่วยเป็นมะเร็งทั้งสองโรค

          "ขอแนะนำให้ผู้หญิงที่มีเต้านมโตเต็มวัย หรือมีอายุประมาณ 20 ปีขึ้นไป เข้ารับการตรวจหามะเร็งเต้านมกับสถาบันการแพทย์ ควบคู่ไปกับการตรวจด้วยตัวเอง เพราะบางครั้งการตรวจหาด้วยตัวเองอาจไม่แม่นยำพอ ซึ่งที่สมิติเวช สุขุมวิท เรามีเครื่องแมมโมแกรมตรวจมะเร็งเต้านมแบบ 3 มิติ หรือ Digital Breast Tomosynthesis ที่มีความละเอียดสูงยิ่งขึ้นกว่าเดิม และได้รับการรับรองทางการแพทย์จากสหรัฐอเมริกา" พญ.สมสิริ กล่าว

          พญ.สมสิริ อธิบายต่อด้วยว่า การตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรมแบบ 3 มิติ เป็นการตรวจที่มีความสามารถสูงในการหามะเร็งเต้านมที่ยังมีขนาดเล็กและไม่มีอาการ โดยเครื่องจะรายงานภาพแบบซอยละเอียดทุก 1 เซนติเมตรไปในแนวเดียวกัน จนเห็นภาพแยกตามตำแหน่งจริงไม่ซ้อนกัน ต่างจากการตรวจแมมโมแกรมแบบธรรมดาที่ภาพมักซ้อนกัน ทำให้การรักษาได้ผลดี ผู้ป่วยมีโอกาสอยู่รอดมากขึ้นและนานขึ้น

มะเร็งเต้านม

          ด้าน นพ.วิชัย วาสนสิริ กล่าวถึงสาเหตุของการเกิดมะเร็งเต้านม พร้อมแนะนำวิธีการหลีกเลี่ยงการเกิดโรคไว้ดังนี้ว่า สาเหตุการเกิดมะเร็งเต้านมที่แท้จริงทางการแพทย์ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ เราจึงมาดูในเรื่องปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงแทน อย่างไรก็ดีเมื่อวิเคราะห์ตามหลักกายวิภาคแล้ว มะเร็งเต้านมมักจะเกิดในสองส่วนด้วยกันคือ ท่อน้ำนมและกระเปาะสร้างน้ำนมที่มีเซลล์เยื่อบุอยู่ข้างใน หากเซลล์ที่ว่ามีการพัฒนาตัวเองแต่ไม่ออกนอกผนังท่อหรือผนังกระเปาะ เราเรียกว่าระยะศูนย์ แต่เมื่อไรที่ลุกลามออกข้างนอกเราจึงจะเรียกมะเร็ง

          แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมจากสมิติเวช สุขุมวิท กล่าวต่อว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้หญิงเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม มีทั้งที่เปลี่ยนแปลงได้และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ได้แก่ 1.อายุมาก 2.กรรมพันธุ์ 3.ผู้ที่ประจำเดือนมาเร็วก่อนอายุ 12 ปี และผู้ที่ประจำเดือนหมดช้าหลังอายุ 55 ปี และ 4.กลุ่มที่ต้องให้ฮอร์โมนวัยทอง โดย 2 ประการหลังเป็นเพราะผู้หญิงสัมผัสกับฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินควร

          "ส่วนปัจจัยที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ก็คือ 1.การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จะช่วยให้เต้านมผลิตฮอร์โมนโปรแลคตินมาแทนที่ฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน 2.มีบุตรคนแรกก่อนอายุ 30 ปี เพราะระหว่างตั้งครรภ์ร่างกายผู้หญิงไม่ต้องผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน 3.ไลฟ์สไตล์ที่ดี กินอาหารที่มีประโยชน์ 4.งดดื่มแอลกอฮอล์ และ 5.ฟิตแอนด์เฟิร์มด้วยการออกกำลังกาย เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนมาจากไขมัน" นพ.วิชัยให้ความรู้ทิ้งทาย






ขอขอบคุณข้อมูลจาก

6 ข้อดีของการมีผิวมัน อืม... เริ่ดค่ะ


ผิวสวย



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          สาว ๆ ที่มีสภาพผิวมันหลายคนคงจะรู้สึกน้อยอกน้อยใจกับสภาพผิวหน้าของตัวเองเมื่อไปเปรียบเทียบกับสภาพผิวแบบอื่น ๆ เพราะว่าหน้ามันง่าย แต่งหน้าแล้วเมคอัพหลุดไว แถมยังไม่สบายผิว ฯลฯ เราเลยอยากเอาใจสาวผิวมันกันสักหน่อย เพราะหลังจากได้พิจารณาดูสภาพผิวของสาวผิวมันอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็พบว่ายังมีข้อดีหลาย ๆ ประการที่สาวผิวมันได้เปรียบสาวที่มีสภาพผิวแบบอื่น ๆ ด้วยนะ ไปดูกันเถอะ 
      1. เกิดริ้วรอยช้า

          สาวที่มีผิวมันควรจะดีใจ เพราะพบว่าผู้ที่มีสภาพผิวเช่นคุณ มีอัตราการเสื่อมโทรมของผิวช้ากว่าสภาพผิวแบบอื่น ๆ จึงเกิดริ้วรอยช้ากว่า ยืดเวลาให้คุณดูเด็กกว่าผิวแบบอื่น ๆ ได้หลายปีเลยล่ะ 

      2. หน้าเปลือยดูสดใสสุขภาพดีกว่า

          สาวผิวแห้งต่างต้องพึ่งเครื่องสำอางมาช่วยแต่งหน้า เพื่อหลอกตาว่าผิวหน้าดูฉ่ำสุขภาพดี แต่สาวผิวมันไม่เห็นต้องแต่งอะไรเลย แค่ลงเบสแบบควบคุมความมันนิดหน่อย แล้วปล่อยหน้าที่ที่เหลือให้เป็นไปตามกลไกผลิตน้ำมันตามธรรมชาติของใบหน้า หน้าตาคุณก็จะดูฉ่ำวาวนิด ๆ แบบคนมีผิวสุขภาพดีแล้วล่ะ 

      3. ดูแลรักษาผิวง่ายกว่า

          ปัญหาสิ่งสกปรกอุดตันรูขุมขน กับการต้องซับมันแล้วเติมเครื่องสำอางบ่อย ๆ อาจดูแล้วไม่เห็นว่าจะเป็นการดูแลรักษาง่ายตรงไหน แต่เชื่อเถอะ หากเทียบปัญหาของคุณกับปัญหาสภาพผิวอื่น ๆ แล้ว (ผิวแห้งลอก แพ้ง่าย เป็นผื่น ตุ่มแดง ฯลฯ) ผิวมันอย่างคุณนี่แหละดูแลง่ายที่สุด 

      4. ผิวนุ๊มนุ่ม 

          แม้ตอนสมัยยังสาว คุณอาจรำคาญใจกับการซับความมันส่วนเกินบ่อย ๆ แต่รับรองเลยว่าเมื่อแก่ตัวไป คุณจะนึกขอบใจที่ตัวเองเป็นคนผิวมัน เพราะผิวที่มีน้ำมันหล่อเลี้ยงมาตลอดจะส่งผลให้ผิวหน้านุ่มมาก ๆ ผิวดูฟู ทำให้ริ้วรอยปรากฏช้าขึ้นด้วย 

      5. ผิวหนา แข็งแรงดี 

          อีกหนึ่งข้อดีของการมีผิวมัน คือสภาพผิวของคุณแข็งแรงกว่าผิวแบบอื่น ๆ ทำให้ทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ คุณสามารถยิ้มแฉ่งหัวเราะร่าได้ท่ามกลางแดดจ้าหรือว่าลมหนาว ในขณะที่ผิวแบบอื่น ๆ แห้งลอกจนแสบ หรือผิวตึงจนฉีกยิ้มไม่ออก ทั้งนี้ก็เพราะคุณมีน้ำมันตามธรรมชาติที่คอยหล่อเลี้ยงผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น สุขภาพดี ชั้นผิวแข็งแรงนั่นเองค่ะ 

      6. ไม่ต้องบำรุงผิวมาก

          ผิวมันไม่จำเป็นต้องบำรุงผิวอะไรมากมายไปกว่าเติมความชุ่มชื้นให้พอเหมาะ (ด้วยมอยส์เจอไรเซอร์สูตรน้ำ) และใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมัน คุณอาจใช้สกินแคร์แค่ 1-2 ชิ้น ในขณะที่สภาพผิวแบบอื่น ๆ ต้องใช้ทั้งครีมบำรุง ลดริ้วรอย เพิ่มความแข็งแรงให้ชั้นผิว ฯลฯ ... การมีผิวมันจึงช่วยประหยัดทั้งเงินและประหยัดทั้งเวลาที่ต้องใช้ในการดูแลผิวเลยล่ะ 


          ใครหน้ามันไม่ต้องน้อยใจไป เห็นไหมว่าการมีผิวมันก็ยังมีข้อดีตั้งหลายอย่าง (อันที่ถูกใจมาก ๆ ก็คือริ้วรอยมาเยือนช้าที่สุดเมื่อเทียบกับสภาพผิวอื่น ๆ ^^) ลองโฟกัสที่ข้อดีของมันบ้างแล้วคุณจะมีกำลังใจดูแลผิวขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ  

อัพเดท 10 ทรงผมสั้น สุดอินเทรนด์ ชั่วโมงนี้บ๊อบมาแรง!!


ทรงผมสั้น



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก beauty-box.jp , rasysa.com และ la-cendrillon.com

          สวัสดีจ้าสาว ๆ กลับมาพบกันอีกครั้งกับการอัพเดทเทรนด์ทรงผมสวย ๆ ที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในตอนนี้ โดยวันนี้กระปุกดอทคอมได้รวมรวม 10 แบบทรงผมสั้น เก๋ ๆ สวย ๆ ที่สาวแซ่บแอบซ่าอย่างเราไม่ควรพลาดมาฝาก เพราะชั่วโมงนี้ไม่มีอะไรฮอตและฮิตเท่ากับ ทรงผมสั้น อีกแล้ว (ฮิ้วววววว) โดยเฉพาะ ทรงผมสั้น สไตล์บ๊อบ ที่สาว ๆ หันมาหั่นเปลี่ยนลุคกันให้รึ่ม ^^

          สำหรับ ทรงผมสั้น สไตล์บ๊อบ ที่บอกว่าฮิตนักฮิตหนาเนี่ย เป็นทรงผมสั้นที่ไม่ได้สไลด์บางทั้งหัว หรือซอยรากไทร แต่จะเน้นตกแต่งที่ปลายผม เพียงแค่ตัดเอาความยาวของผมออกเท่านั้น ส่วนจะสไลด์ขึ้นสูงหรือแค่ปลายบาง ๆ ก็แล้วแต่ความชอบ ทำให้เหมาะกับสาว ๆ ทุกรูปหน้า ไม่ว่าจะหน้ากลม หน้ายาว หน้าเหลี่ยม หรือว่าหน้ารูปไข่ คุณก็สามารถตัดทรงนี้ได้ โดยเลือกความยาวและสไลด์ปลายให้เข้ากับกรอบหน้า ทั้งนี้ สามารถปรึกษาช่างทำผมมืออาชีพ ที่เอาใจใส่ลูกค้าได้ที่ร้านทำผมทั่วไปเลยค่ะ
          เอาล่ะ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดู 10 ทรงผมสั้น เก๋ ๆ ที่เรานำมาฝากกันเลย... ชอบทรงไหน หรือถูกใจแบบใด จะนำไปเป็นแบบทรงผมของตัวเองก็ได้ไม่ว่ากันนะคะ ^^


ทรงผมสั้น

ทรงผมสั้น

ทรงผมสั้น

ทรงผมสั้น

ทรงผมสั้น

ทรงผมสั้น

ทรงผมสั้น

ทรงผมสั้น

ทรงผมสั้น

ทรงผมสั้น


เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน


เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก bhldn.commodcloth.compolyvore.com

          ดูเหมือนว่าปัญหาใหญ่สำหรับสาว ๆ ที่ได้รับการ์ดเชิญไปงานแต่งงาน โดยเฉพาะงานกลางคืนที่จัดในโรงแรมหรือตามสโมสรต่าง ๆ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "ชุดไปงานแต่งงาน" เพราะหลาย ๆ คนกังวลว่าจะเลือกชุดไปงานแต่งงานไม่เข้ากับตัวเอง จนกลายเป็นตัวตลกมากกว่านางฟ้า ดังนั้น วันนี้กระปุกเวดดิ้งได้หยิบเอาไอเดียดี ๆ ในการเลือก "ชุดไปงานแต่งงานกลางคืน" มาฝาก อีกทั้งยังนำเอาภาพชุดไปงานแต่งงานกลางคืน ทั้งแบบสั้นและยาวมาให้ชมกันด้วยจ้า
          สำหรับการเลือกชุดไปงานแต่งงานกลางคืน ขั้นแรกควรเลือกเสื้อผ้าที่ดูแวววาวและทันสมัย พวกเดรสทรงเรียบ ๆ ดูเป็นทางการ สวมเครื่องประดับชิ้นเล็ก ๆ ที่มีดีไซน์เก๋ ๆ แต่รองเท้าส้นสูงแต่หัวแหลม ๆ นี่ห่าง ๆ ไว้ หรือถ้าเป็นงานเพื่อนสาวคนสนิทที่คุณต้องอยู่จนจบงาน หาเสื้อผ้าที่ดูสบาย ๆ จะนั่งจะเดินก็สะดวก ดีกว่าชุดเข้ารูปรัดหุ่น ไม่งั้นตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงสี่ทุ่มในชุดอึดอัดอาจทำให้คุณไม่สนุกได้ อย่ามัวแต่ห่วงสวยซะจนไม่ห่วงสุขภาพตัวเองนะ

          และลองเลือกเป็นเสื้อเกาะอกโชว์ไหล่สีเข้ม ๆ กับกางเกงผ้าลินินสีขาว ก็ช่วยทำให้ดูทะมัดทะแมงกว่าชุดเดรสตัวเก่าได้ สุดท้ายแม็กซี่เดรสลายปรินต์ก็ดูเก๋และสง่าได้ไม่ต่างจากชุดเดรสสีเดียว หารองเท้าส้นแบนทรง Gladiator มาใส่คู่กัน เพื่อจะได้ไม่สะดุดชายกระโปรงต่อหน้าเพื่อเจ้าบ่าว

          เพียงเท่านี้คุณก็สวยสง่าไม่แพ้สาวคนไหนแล้วล่ะค่ะ ^__^
 
เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน
 
เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน

เปิดไอเดียครีเอทชุดไปงานแต่งงานกลางคืน






ขอขอบคุณข้อมูลจาก